ขาช้อปออนไลน์น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (e-commerce) ที่มีชื่ออันดับต้น ๆ ของโลกอย่าง Amazon เรื่องราวของ Amazon ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางอีกครั้ง เมื่อมีข่าวว่าเจฟฟ์ เบซอส ( Jeff Bezos ) ประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO

แม้ว่าเวลานี้ Jeff Bezos จะเป็นเพียงอดีต CEO ของ Amazon แต่หลายคนรู้ดีว่าการที่เขาขึ้นไปยืน ณ ตำแหน่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกความสำเร็จต้องแลกมาด้วยการทำงานหนักและความเหน็ดเหนื่อย เขาสร้าง Amazon ขึ้นมาตั้งแต่ตัวคนเดียว ก่อนจะขยับขยายมาเรื่อย ๆ จนบัดนี้ Amazon กลายเป็นบริษัทที่ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก

จริง ๆ แล้ว เจฟฟ์ เบซอส ไม่ได้เพิ่งเริ่มทำใช้เวลาเสาร์-อาทิตย์ของตัวเองทำสิ่งเหล่านี้ มีบทความที่นำเสนอเคล็ดลับของเขามานานแล้ว แต่อยากจะนำมานำเสนออีกครั้งเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่รู้สึกหมดไฟอยู่ในขณะนี้

ที่สำคัญ ไม่ได้มีแค่เจฟฟ์ เบซอสเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับการชาร์จพลังในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่บิล เกตส์ (Bill Gates) เองก็ทำลักษณะนี้เช่นกัน เพราะคนที่ประสบความสำเร็จเขามักจะมีแนวความคิดที่คล้าย ๆ กัน ในเมื่อพวกเขาต้องทำงานหนักขนาดนั้น เขาต้องมีวิธีชาร์จพลังกายพลังใจให้เต็มหลอดอยู่เสมอเพื่อให้พร้อมสำหรับการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ถึงจะมีเพียง 2 วัน แต่เขากอบโกยพลังงานได้มากขนาดนั้นได้อย่างไรลองมาดูกัน เผื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้

Jeff Bezos

1. นอน นอน และนอน
กิจกรรมที่ใคร ๆ ต่างก็โหยหาหากมีวันหยุดในกำมือ แต่บางครั้งปัจจัยหลาย ๆ อย่างก็ไม่เอื้อให้คนเราได้นอนมากสมใจอยากขนาดนั้น สำหรับหลาย ๆ คน มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหาเวลานอนให้ได้ 7 ชั่วโมงต่อคืน เพราะมีงานเร่งด่วนอยู่ตลอดเวลาช่วงระหว่างสัปดาห์ ในเมื่องานไม่เสร็จใครจะหลับลง แต่ถ้าหากมีโอกาสที่จะนอนให้มากขึ้น ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ ดังนั้น งานที่พอจะรอได้ไม่เร่งด่วน ขอให้เก็บเอาไว้ก่อน แล้วใช้เวลานี้เติมเต็มการนอนหลับให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้

เพราะร่างกายและสมองจะทำงานได้ดีที่สุดถ้าได้รับการพักผ่อนอย่างเหมาะสม ช่วยชาร์จทั้งพลังกายและพลังสมอง อย่างเจฟฟ์ เบซอสเอง ก็พยายามนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อคืน ซึ่งหากเราได้นอนเต็มอิ่ม ก็จะพบว่าศักยภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี อย่าใช้คำแนะนำนี้เป็นข้ออ้างในการน้อยทุกคืนระหว่างสัปดาห์ แล้วมานอนมาก ๆ ในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อทดแทน ควรพยายามจัดการเวลานอนในแต่ละคืนให้เหมาะสม ถ้าเลี่ยงไม่ได้ค่อยมาใช้เวลาช่วงวันหยุดเพิ่มเติม

2. ใช้เวลากับคนที่รักให้มากขึ้น
จริง ๆ แล้ว หลายคนรู้สึกผิดที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับคนที่รักมากเท่าที่ควร ในวันจันทร์ถึงศุกร์ไม่ได้ใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงเลย เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับงานตรงหน้า แต่ขอให้รู้ไว้ว่าไม่ใช่แค่คุณหรอกที่เผชิญกับปัญหานี้ เป็นเรื่องปกติคนวัยทำงานที่อยู่ในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว เกือบทั้งหมดนั่นแหละที่เจอปัญหาแบบนี้ และสำหรับหลาย ๆ คน มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของความแตกแยกด้วยซ้ำไป ทั้งที่ความจริงถ้าคุณพยายามอีกสักนิดเพื่อจัดสรรเวลาที่มีในแต่ละวันทำงาน ก็ช่วยให้ความสัมพันธ์กับคนรอบตัวดีขึ้นเยอะ

อันที่จริง คนที่คุณรักและเขาก็รักคุณ เขาก็พยายามเข้าใจถึงความตั้งใจของคุณแล้วนั่นแหละ ว่าที่คุณใช้เวลาเกือบทั้งหมดของวันหมดไปกับทำงานนั้นเพื่ออะไร แต่ในช่วงที่เป็นวันหยุด คุณก็ควรจะหยุดจริง ๆ ไม่ใช่เหรอ วางมือจากงาน แล้วลองจัดสรรเวลามาใช้เวลากับคนที่อยู่รายล้อมคุณให้มากขึ้นดูสิ ลองหากิจกรรมต่าง ๆ ทำร่วมกับคนที่คุณรัก โดยเฉพาะกิจกรรมพักผ่อนสร้างความผ่อนคลาย ไม่ว่าจะไปออกกำลังกายกับแฟน พาลูก ๆ ไปเดินห้าง ไม่เพียงจะช่วยให้คุณได้พักผ่อน และลดระดับรู้สึกผิดลง แต่มันอาจช่วยให้ประสิทธิภาพงานของคุณดีขึ้นด้วยก็ได้

3. เติมเชื้อไฟในการทำงาน
คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนคือ “ทุกวินาทีมีค่า และพวกเขาไม่ชอบเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์” แม้จะเป็นวันหยุด แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไม่มีคุณค่า พวกเขาต่างก็มีวิธีผ่อนคลายหรือเติมไฟให้ตัวเองที่แตกต่างกัน บางคนขอแค่ได้ใช้เวลาอยู่กับลูก ๆ บางคนขอแค่ได้นอนขดตัวบนโซฟาพร้อมหนังสือเล่มโปรด บางคนชอบนั่งสมาธิหรือออกกำลังกาย หรือบางคนจะออกไปการปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนฝูงก็ไม่ผิดอะไร ถ้ามันชาร์จไฟในการทำงานให้เขาได้

การทำสิ่งต่าง ๆ ที่แตกต่างกันนี้ ไม่ได้ผิดหรือทำให้คุณเสียเวลาอะไรไป แต่การใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ หรือกระตุ้นแรงจูงใจในการทำงานของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ตราบใดที่ทำแล้วมันช่วยให้เรามีกำลังใจที่ดีขึ้น เพราะฉะนั้น อย่ามองว่าอันนั้นมีสาระ งั้นทำอันนั้น อันนี้ไม่มีสาระ ไม่ทำอันนี้ มัวแต่เลือกทำนี่แหละที่เสียเวลา

4. ทำงานบ้าน
ไม่มีพจนานุกรมเล่มไหนที่ให้ความหมายว่าคนรวยจะจ้างแม่บ้านทำความสะอาดบ้านเสมอไป ไม่ใช่คนรวยทุกคนที่ไม่ทำงานบ้านเอง คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากเขาจะทำงานบ้านด้วยตัวเองโดยไม่หวังพึ่งใคร ไม่ว่าจะเป็นการไปเดินจ่ายตลาด ซักผ้า ล้างจาน กวาดบ้านถูบ้าน ใช่ว่าจะใช้เวลาหมดทั้งเสาร์อาทิตย์เสียเมื่อไร แต่ค่อย ๆ ทำไปทีละนิด หากไม่ค้างไว้มันก็ไม่สะสม เพราะมันเป็นการฝึกไม่ให้ละเลยเรื่องระเบียบวินัยและการจัดการตัวเอง อย่าลืมว่าบ้านหลังนี้คุณก็อยู่ของคุณเอง ทุกวันนี้เจฟฟ์ เบซอสเขายังล้างจานที่บ้านเองเลย แม้ว่าเขาจะร่ำรวยขนาดนั้นก็ตาม

ดังนั้น คุณอาจจะต้องจัดลำดับความสำคัญเพื่อทำงานบ้านบางอย่างให้เสร็จในช่วงวันธรรมดา อาจใช้เวลาเพียง 15 นาทีก่อนนอนทำไปทีละเล็กทีละน้อย พอถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ ให้กำหนดเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงเพื่อทำงานบ้านที่เหลือ งานที่ต้องใช้เวลา คุณจะรู้สึกมีความสุขมากเลยล่ะที่กลับบ้านมาในวันธรรมดา แล้วมาเจอบ้านที่สะอาดเอี่ยมอ่อง

5. วางแผนชีวิตสัปดาห์หน้า
ฟังแล้วอาจจะร้องเอ๊ะ! วันหยุดสุดสัปดาห์ แต่คิดไกลถึงสัปดาห์หน้า มันเป็นการพักผ่อนตรงไหน แต่ขอให้รู้ไว้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จ เขามักวางแผนล่วงหน้าเสมอ ไม่เว้นแต่ในช่วงสุดสัปดาห์ เพราะการวางแผนชีวิตในสัปดาห์หน้านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามาก หรือนึกคิดอยู่ตลอดทั้งวันเสียเมื่อไร คุณอาจใช้เวลาแค่ 10 นาที หรือนานสุดประมาณถึง 1 ชั่วโมงในช่วงเย็นวันอาทิตย์ ในการดูตารางงานของวันจันทร์ยาวไปถึงศุกร์ของสัปดาห์ที่จะมาถึง จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำ และจัดลำดับความสำคัญของงาน

เพราะแผนที่คุณวางไว้ตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ จะช่วยให้คุณพร้อมใช้ชีวิต 5 วันลุยงานที่แสนยุ่งเหยิงได้ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันจันทร์ นั่นหมายความว่า คุณจะพร้อมทำงานเลยทันที เมื่อเทียบกับการมานั่งจัดการแผนต่าง ๆ ในช่วงเช้าวันจันทร์ แค่ 10 นาทีของเมื่อวาน ก็ช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคุณเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ได้แล้ว

6. ให้เวลาตัวเองได้ไตร่ตรองเรื่องต่าง ๆ
การอยู่คนเดียวไม่ได้ทำให้เหงาหรือรู้สึกแย่เสมอไป โดยเฉพาะการใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อไตร่ตรองความคิดได้นั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจอย่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะความคิดที่ไตร่ตรองจนตกผลึกออกมา มันสามารถช่วยให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายได้มากและง่ายขึ้นขึ้น คนที่ประสบความสำเร็จ เขามักใช้ช่วงเวลาหนึ่งวันหยุดคิดไตร่ตรองสิ่งที่มีความสำคัญต่อชีวิต สิ่งที่ยังรบกวนจิตใจ และสิ่งที่เขายังขาด เพื่อแก้ไขและเติมเต็มมัน

จากการศึกษาของฮาร์วาร์ด พบว่าคนที่ใช้เวลาเพียง 15 นาทีในช่วงท้ายของวันเพื่อคิดไตร่ตรองและตกผลึก บทเรียนใหม่ ๆ ที่พวกเขาเรียนรู้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดีกว่า 23 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย ไม่เพียงเท่านั้น การศึกษายังพบว่าการใช้เวลากับตัวเองเพื่อตกผลึกทางความคิด ยังช่วยให้คุณเป็นคนที่มีความสุขมากขึ้นด้วย ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นคนที่เหนื่อยล้าน้อยลง